“ใส่ใจได้แต่มอง ใส่มองได้ทั้งปลา ใส่ใจอ้ายนั้นนินาสิพาไปกินแกงหน่อไม้” นับเป็นท่อนเพลงที่กำลังเป็นกระแสกันในปัจจุบัน เพลงป็อปจากฝั่งลาว สไตล์เด็กวัยรุ่นบ้านนาที่กำลังจีบผู้สาวอยู่ อาจจะถือได้ว่าเป็นสื่อแทนความหมายที่แสดงให้เห็นถึงสถานะหรือภาพลักษณ์เชิงวรรณะทางสังคมของอาหารประเภท “หน่อไม้” ได้เช่นกัน
ถึงอย่างไร หน่อไม้ที่อยู่ในแกง หรือ ที่ผสมอยู่ในผัดกะเพราตามร้านขายอาหารตามสั่ง ก็ยังเป็นอาหารที่เข้าถึงง่าย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ทำได้หลากหลายเมนู มีรสสัมผัสที่กรุบกรอบ ราคาในท้องตลาดไม่แพงนัก สามารถจับต้องได้ ทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าอาหารในภาคต่างๆของประเทศไทยจึงได้หยิกยกเอาหน่อไม้มาเป็นส่วนประสมทั้งสิ้น
ที่นี้ เราลองมาดูคุณประโยชน์ต่างๆของหน่อไม้กันบ้างว่ามีอะไรที่มีคุณต่อเราและมีโทษต่อเรา เพื่อที่เราทราบดังนี้แล้วจะได้รู้จักคุณประโยชน์และควบคุมไม่ให้การกินหน่อไม้ของเราเกิดโทษต่อร่างกายด้วยนั้นเอง
หน่อไม้กินดิบไม่ได้
สำหรับคนที่ยังไม่ทราบหน่อไม้เป็นอาหารที่กินดิบไม่ได้นะครับ เพราะในหน่อไม้นั้นมีสารที่เรียกกันว่า “ไซยาไนต์” ประสมอยู่ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเจ้าสารนี้ สารนี้อันตรายมากเลยนะครับ ถึงขนาดใช้เป็นยาพิษในการฆ่าคนและฆ่าตัวตายในสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว ที่นี้ เราจะทำยังไงให้เราปลอดภัยจากเจ้าสารนี้โดยยังสามารถกินหน่อไม้ได้อยู่ละ
วิธีปรุงหน่อไม้อย่างปลอดภัย
แม้จะไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน แต่คงเป็นที่ทราบกันดีในกรรมวิธีการปรุงอาหาร การต้มนับเป็นคุณสมบัติในการขจัดภัยอันตรายที่มาจากอาหารอยู่เสมอ ในกรณีของหน่อไม้ก็เช่นกัน การต้มด้วยน้ำเดือดประมาณ 10 นาที จะช่วยขจัดความอันตรายออกไปได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์
ประโยชน์ของหน่อไม้
ถึงแม้การกิบอย่างดิบอาจจะมีโทษถึงตาย แต่คุณประโยชน์ของหน่อไม้ก็มีมากอยู่พอตัว มีกากใยที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ ลดอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังมีแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถรับประทานได้ในกลุ่มคนที่ต้องการพลังงานในปริมาณไม่มากนักต่อวัน เช่น คนที่กำลังลดหุ่นจึงเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีโปรตีน โพแทสเซียม วิตามินเอ และแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุอาหารที่ร่างกายเราต้องการอีกด้วย
แม้กระนั้น การกินอย่างมีสติก็ยังคงสำคัญเพราะหากเรากินหน่อไม้ในปริมาณที่มากเกินไป ต่อให้แคลอรี่จะต่ำขนาดไหน แต่ก็ยังคงเป็นพิษภัยต่อร่างกายเราอยู่ดี